วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2558

น้ำตา หลี่ กวง เย่า


น้ำตาหลี่กวงเย่า
วันที่ 9 สิงหาคม 1965 นายกรัฐมนตรี ตนกู อับดุล ระห์มัน แห่งมาเลเซียแถลงข่าวประกาศขับสิงคโปร์ออกจากสหพันธรัฐมาเลเซีย แต่ในวันเดียวกันนั้น ลีกวนยู ก็จัดแถลงข่าวที่สิงคโปร์ถูกขับออกมาเช่นกัน
ในการแถลงข่าววันนี้เป็นเหมือนการประกาศเอกราชของสิงคโปร์ไปในตัว แต่ในระหว่างการแถลงข่าวนายกฯ ลีแสดงออกการเศร้าเสียใจถึงกับหลั่งน้ำตาสะอื้นอยู่ราว 20 นาที
เป็นการประกาศเอกราชที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก เพราะผู้ประกาศไม่อยากจะเป็นเอกราช แถมยังร้องไห้เสียดายต่อหน้าประชาชนอีก
แต่เดิมนั้น สิงคโปร์เป็นอาณานิคมของอังกฤษ แยกต่างหากจากรัฐมาเลย์ อาณานิคมสเตรทเซตเติลเมนต์ ( ปีนังและมะละกา) และบอร์เนียวเหนือ หลังได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์เป็นเอกราชช่วงสั้นๆ แต่มีการออกเสียงประชามติให้รวมกับสหพันธรัฐมาลายา ซึ่งประกอบด้วยอดีตอาณานิคมบริติชที่เอ่ยมาข้างต้น
ที่ ลีกวนยู ปรารถนาจะเป็นทองแผ่นเดียวกับมาลายา หรือมาเลเซีย เพราะต้องการร่วมกันเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษ และเกรงว่าประเทศตัวเองเล็กไป ขาดแคลนทรัพยากร อีกทั้งยังกลัวภัยคอมมิวนิสต์ การรวมตัวหลวมๆ กับมาลายาจะช่วยให้สิงคโปร์อยู่รอดได้
แต่เพราะปัญหาเรื่องเชื้อชาติและการเมืองภายใน ทำให้สิงคโปร์ถูกขับจากสหพันธรัฐ ลีกวนยู หัวใจแตกสลาย ต้องประกาศเอกราชทั้งน้ำตา ในปี 1965 ทว่า สุดท้ายท่านลีก็สามารถนำพาชาติเล็กๆ ที่ถูกเขาขับไล่มา กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของโลกได้อย่างภาคภูมิ จนมาเลเซียอาจรู้สึกคิดผิดที่ไล่สิงคโปร์ออกมาจากกลุ่ม
อย่างไรก็ตาม ที่ท่านลีหลั่งน้ำตาวันนั้นมีหลายคนตั้งประเด็นว่า เป็นน้ำตาลูกผู้ชายหรือน้ำตาจระเข้กันแน่?
ฝ่าย ตนกู อับดุล ระห์มัน เผยในภายหลังว่า ท่านงุนงงที่เหตุใดลีกวนยิวจึงร้องไห้ต่อหน้าการถ่ายทอดสด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาดูจะยินดีที่ได้แยกตัวออกจากสหพันธรัฐ เมื่อเร็วๆ นี้ยังมีผู้อ้างว่าท่านลีกำกับไม่ให้สื่อมวลชนพิมพ์ภาพตัวเองแย้มยิ้มในงานแถลงข่าว นัยว่าเพื่อให้บรรยากาศดูโศกเศร้าอย่างที่เขาปรารถนา
ตู้จิ้นไฉ ผู้นำพรรคฝ่ายค้านของสิงคโปร์ก็บอกในทางเดียวกันว่านายกฯ รู้สึกยินดีที่แยกตัวออกมามาก จึงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงร้องไห้ระหว่างการถ่ายทอดสด
หากเป็นน้ำตา "ปลอม" อย่างที่เขาว่า ผมคิดว่าเพราะลีกวนยูต้องการใช้สหพันธรัฐช่วยเป็นเกราะคุ้มกันให้ในตอนแรก แต่ต่อมามีการเดินเกมการเมืองภายในเพื่อแยกตัวออกมา หลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ดูเหมือนว่าท่านลีจะใช้ตัวแทนในการเจรจาแยกตัว เพื่อให้ตัวเองปลอดจากข้อครหา และดูเหมือนว่าตนกู อับดุล ระห์มันจะพอใจที่สิงคโปร์แยกตัวไป เพราะหวั่นกระแสอัลตร้ามาเลย์จะปะทะกับพวกจีนสิงคโปร์เสียก่อน
หากเป็นจริงนี่เป็นเกมการเมืองที่ซับซ้อนเอามากๆ ไม่น่าแปลกใจที่ลีกวนยูจะยืนเด่นโดยท้าทายเหนือใครในอาเซียนตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ลีกวนยู ไม่ได้สร้างสิงคโปร์จากศูนย์ แต่สิงคโปร์เวลานั้นมีสาธารณูปโภคครบครันยิ่งกว่าใคร หากขาดเหลือเพียงเล็กๆ น้อย บ้านเมืองอาจดูไม่ทันสมัย แต่มีฮวงจุ้ยมหาเศรษฐีโดยแท้ 
สิ่งที่ลีกวนยูทำในวันที่ 9 สิงหาคม 1965 เรียกความเห็นใจจากชาวโลกมหาศาล เพื่อทุกอย่างเข้าทางหลังจากนั้นท่านลีเดินสายและส่งตัวแทนไปทั่วโลก โฆษณาเรียกแขกให้มาลงทุนที่นี่ สิงคโปร์นั้นชื่อชั้นไม่เป็นรองใครอยู่แล้วในเรืองท่าเรือ ยิ่งมีแรงจูงใจให้ต่างชาติมาลงทุนสร้างฐานการผลิตและส่งออกยิ่งเหมือนซื้อเพชรแถมพลอย
ทั้งไทยและมาเลเซียกว่าจะเดินทางตามแนวทางนี้ก็เหมือนจะช้าเกินไป
แม้การเมืองในความสำเร็จของสิงคโปร์จะซับซ้อน หลักบริหารประเทศของ "หลี่กวงเย่า" ไม่ได้ซับซ้อนไปกว่าการเป็นนักประจักษ์นิยมและนักปฏิบัตินิยม เป็นคนที่มองโลกตาามความเป็นจริงแบบซอฟต์ๆ (soft realist) ทำให้สามารถประเมินสถานการณ์ด้วยความเป็นจริงไม่อิงทฤษฎี 
และยังสามารถบงการ "ความจริง" ได้ตามใจปรารถนาอีกด้วย

๏ ปัจฉิมลิขิต
" ... ลีกวนยู ไม่เพียงเป็นรัฐบุรุษแห่งสิงคโปร์เท่านั้น แต่เป็นผู้อาวุโสแห่งอาเซียน ความเห็นของท่านเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เพราะเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ และความเฉียบคม มองเกมขาดทุกมิติ แม้ว่าบางครั้งจะดูเหมือนจะโจมตีเพื่อนบ้าน แต่ก็เป็นปกติวิสัยของผู้นำประเทศที่มีลูกล่อลูกชน มีทั้งรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างแข็งกร้าว และหยอดยาหอมเพื่อนบ้าน น่าเสียดายที่วันนี้ อาเซียนไม่มีผู้นำคุณภาพอย่างท่านลีสักคน เพราะหากมีคู่เหมือนหรือคู่แข่งเพียงคนเดียว รับรองอาเซียนของเราจะทั้งรุ่งจะทั้งแรง ไม่มีใครกล้าแหยมแน่นอน ... "

ภาพ – หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์ส



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น