ตอนที่ 5
อาศัยฟ้าแทนมุ้ง
อาศัยโรงแรมแทนบ้าน
อาศัยร้านอาหารแทนครัว
อาศัยโสเภณีแทนเมีย
และนี่คือตี๋ใหญ่......
ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายจับเป็น
ตี๋ใหญ่อหังการคะนองศึก
กันยายน พ.ศ. 2518
เหมือนฟ้าจะบันดาลดล
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบเสาะแกะรอยตี๋ใหญ่ ตามหมายจับหลายใบในหลายทองที่
อยู่เอาเป็นเอาตายอยู่นั้น
สายสืบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเขต
สน.ภาษีเจริญก็โทรบอกมาว่า พบตี๋ใหญ่กับสมุนกำลังซ่อมสุมกำลังกันอยู่ในบ้านเช่าหลังหนึ่งในสวนแถวบางพลัด....ถนนจรัญสนิทวงศ์....เท่านั้นเอง
กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็กรูกันเข้าไปล้อมจับ และมันง่ายดายอย่างไม่น่าเชื่อ
ตี๋ใหญ่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุม
จับเป็นครั้งแรกในชีวิต มันง่ายดายเสียยิ่งกว่าอะไร เหมือนกับว่านี่ไม่ใช่ตี๋ใหญ่ตัวจริง
ที่ก่อคดีปล้นฆ่าสะท้านเมืองมานับไม่ถ้วน
หนังสือพิมพ์พากันเสนอข่าวนี้อย่างเกรียวกราว
เพราะตลอดเวลาในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา กว่า 10 คดีที่ตี๋ใหญ่ก่อขึ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนาย
หลาย สน.ไม่สามารถแกะรอยหรือดมกลิ่นไปถึงตัวเขาได้เลย แต่แล้วจู่ๆ
ตี๋ใหญ่ตัวจริงก็ถูกใส่กุญแจมือจนได้ จนมันง่ายดายเหลือเชื่อ
การถูกจับกุมครั้งนี้
มีการขยายผลออกไปมากมาย และแน่นอน ตี๋ใหญ่ถูกถ่ายภาพ ทำประวัติ และพิมพ์ลายนิ้วมือเป็นครั้งแรก ....หลายคดีที่เขาก่อขึ้นในหลายจังหวัดถูกผนวกรวมกันเข้ามา
ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยคิดคร่าวๆ แล้ว
ความผิดของตี๋ใหญ่นั้นถึงขั้นประหารชีวิตแน่นอนไม่ก็จำคุกตลอดชั่วชีวิต
จากห้องขังที่ สน.ภาษีเจริญ
ตี๋ใหญ่ถูกฝากขังต่อที่เรือนจำลาดยาว อยู่อีกหลายวันประสบการณ์ครั้งแรกในคุกลาดยาวนี่เอง
มันฝังใจตี๋ใหญ่สุดยากแค้น มันทั้งแคบ รก และการกระทำที่ได้รับจากคนคุกด้วยกัน
ตี๋ใหญ่สุดแค้นใจและประกาศต่อพรรคพวกของเขาต่อมาว่า....เขาจะไม่ยอมถูกจับอีกต่อไป.............
และวันที่ตี๋ใหญ่ประกาศก็มาถึง
11 ตุลาคม พ.ศ.2518
ตี๋ใหญ่ต้องออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
พร้อมนายเอก สมุนคู่ใจไปยังจังหวัดเชียงใหม่
ตามคำสั่งของศาลเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจขออายัดตัวมาในคดีที่เขาบุกเข้าไปปล้นร้านทองแสงเจริญเชียงใหม่
การเดินทางครั้งนี้ใช้รถไฟเป็นพาหนะ
มีพลตำรวจทวนและพลตำรวจเสงี่ยมควบคุมตัวไปบนโบกี้รถไฟชั้น 3
ตี๋ใหญ่กับสมุนถูกตีตรวน ใส่กุญแจมืออย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการหลบหนีอย่างเต็มที่
18.30 น.
รถไฟสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
เคลื่อนตัวออกจากสถานีรถไฟสามเสนโดยมีสองเจ้าหน้าที่ตำรวจ
และสองเสือร้ายนั่งประจันหน้ากันไปตลอดทาง เสือร้ายอยู่ในสภาพลูกแมวเชื่องๆ น่าเวทนา
แต่ในใจเขานั้นคิดอะไรอยู่ยากที่ใครจะรู้ โอกาสหาหนทางหนี
ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ทั้งคู่ถูกใส่กุญแจมือ และโซ่ตรวน
ร้อยข้อเท้าด้วยโซ่ขนาดใหญ่สุด
เวลา 02.00 น. ฝนตกกระหน่ำหนักหนา
ระหว่างที่ขบวนรถไฟ เคลื่อนที่ออกจากสถานีตะพานหิน ในเขตจังหวัดพิจิตร
มุ่งไปยังสถานีดงตะขบ ผู้โดยสารส่วนใหญ่หลับสนิทกันหมดแล้ว....จู่ๆ
ตี๋ใหญ่กับสมุนที่ซึ่งถูกล่ามกุญแจขออนุญาตเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะ
พลตำรวจทวนเดินตามนักโทษทั้งสองไปเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องน้ำที่เปิดแง่มไว้
ไม่มีลางร้าย....ไม่มีสิ่งบอกเหตุ
หลังสองเสือร้ายเข้าห้องน้ำไปเพียง 30 วินาที เสียงกระจกหน้าต่างก็แตกดังเพล้ง!!
ดังสนั่นลั่นขึ้น พลตำรวจทั้งสองตกใจ
รีบพรวดพลาดเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปดู...สิ่งที่เห็นภายใน มีเพียงความว่างเปล่า
กับเศษกระจกที่ตกแตกเกลื่อนพื้น ตี๋ใหญ่กับสมุนอันตธานหายตัวไปแล้ว....
เสือร้ายทุบกระจก
แล้วเสี่ยงชีวิตพุ่งตัวออกไปนอกขบวนรถไฟ ที่วิ่งด้วยความเร็ว 90 กม./ชั่วโมง
ซึ่งข้างนอกมืดมิด เต็มไปด้วยทุ่งนา และป่าเขา ถ้าไม่คอหักตาย ก็อาจถูกรถไฟทับขาด
2 ท่อน
เมื่อตี๋ใหญ่กระโดดหนีลงจากรถไฟ
เจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังหาเสือร้ายกันอย่างยกใหญ่ แต่ไม่พบศพ หรือร่องรอยใดๆ เลย
แม้แต่รอยเลือด นั้นแสดงให้เห็นว่า เขาติดปีกหนีไปอย่างลอยนวลอย่างแน่นอน
นั้นเองทำให้เกิดเสียงรำลือว่า
ตี๋ใหญ่ เป็นโจรจอมขมังเวทย์ มีคาถาอาคมกำบังหายตัวได้
จึงทำให้หลุดรอดจากการจับกุมของทางการได้
และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของโจรโหดจอมขมังเวย์ในเวลาต่อมา!!
แม้ระดมตำรวจมาหลายร้อยนายในการค้นหา
ตั้งด่านสกัดกั้นรอบอำเภอสะพานหินและจังหวัดพิจิตร ทุกเส้นทางแล้วก็ตาม
แต่ไม่มีใครพบแม้แต่เงาของตี๋ใหญ่
ในความจริง หลังโดดจากรถไฟ
เขาบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น....เอนกหัวแตก ทั้งสองวิ่งไปที่บ้านชาวบ้านที่ใกล้เคียงที่สุด
หาเครื่องมือตัดตรวน กุญแจข้อมือ แล้วพากันแยกย้ายหลบหนี
ตี๋ใหญ่ย้อนรอยตำรวจกลับไปที่เชียงใหม่ลงมากรุงเทพฯ และไปมหาชัย
ลงเรือประมงออกไปกบดานในทะเลลึก.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น