แนะนำ

วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ตี๋ใหญ่ ตอนที่ 4


ตอนที่ 4
อาศัยฟ้าแทนมุ้ง
อาศัยโรงแรมแทนบ้าน
อาศัยร้านอาหารแทนครัว
อาศัยโสเภณีแทนเมีย
และนี่คือตี๋ใหญ่......

          ย้อนกลับมาที่ภายหลังคดีปล้นรถทัวร์ 14 มกราคม 2520 ต่อมาตำรวจสามารถจับตัวคนร้ายได้ 3 คน ได้แก่
-          สมพร  ศิริวรรณวงษ์
-          จรูญ ตระกูลดี
-          อนันต์ ทองเลิศ
ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายสืบสวนยังสอบปากคำขยายผลถึงขั้นจับกุมอีก 3 คน จากคดีร้านปล้นแอนนี่จิวเวลรี่ ได้แก่
-          ณรงค์ คล้ายมณี
-          สมนึก พึงรำพรรณ
-          นางสาวบุญปัน แก้วจันทร์ดี
ทั้ง 6 คนไม่ให้การซัดทอดถึงตี๋ใหญ่ และถูกย้ายไปหลาย สน. เนื่องจากมีประวัติฆ่าคนตายหลายท้องที่ จนกระทั้งวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. เวลา ตี 3 ผู้ต้องหาทั้ง 6 คนก็แหกห้องขังที่ สน.บางซื่อด้วยวิธีคลาสสิก โดยการใช้ใบเลื่อย (คาดว่ามีพรรคพวกแอบส่งมาให้) ตัดลูกกรงเหล็กช่องทางลมจนขาดและใช้ผ้าขาวม้าผูกต่อกันโหนตัวปีนออกจากช่องทางลมแล้วแหกรั้วสังกะสีทะลุออกไปข้างนอก
ทั้งหมดหนีไปอย่างลอยนวล.......
 กลับมาที่ทางด้านตี๋ใหญ่ เหยื่อรายต่อๆ มาของตี๋ใหญ่ล้วนแต่เป็นคนรวยทั้งสิ้น
                เริ่มจากพาพรรคพวกก่อคดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่ นายแพทย์ชัยศรี คชสุด ถึงที่ทำงานคลินิกโพธาราม  ที่อ.โพธาราม โดยให้ญาตินำเงินสดถึง 6 ล้านบาทมาไถ่ตัว แต่ภายหลังตำรวจสามารถบุกเข้าไปช่วยตัวประกันไว้ได้
                จากนั้นก็ปล้นผู้มีอันจะกินหลายราย ไล่จาก นายพิชิต โซติวงศ์,นายมนู ธงชัย นอกจากนี้ยังมีเจ้าทุกข์อีกหลายรายแต่ก็ไม่กล้าแจ้งความ เพราะหวาดกลัวตี๋ใหญ่
                เมื่อปล้นที่ดำเนินสะดวกเสร็จ ตี๋ใหญ่มักหนีเข้ามากบดานในกรุงเทพฯ เพราะที่นี่มีแต่คนรู้จักมักคุ้น และมีญาติห่างๆ ช่วยเหลืออยู่หลายคน
                ช่วงนั้นชื่อของตี๋ใหญ่ดังกระฉ่อน ในฐานะนักปล้น และการกระทำอย่างอุกอาจเย้ยกฎหมายบ้านเมือง หนังสือพิมพ์ประโครมข่าวอย่างเมามัน ถึงพฤติกรรมปล้นของเขา แน่นอนบางคดีตี๋ใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ใครละจะสนใจ ขอให้มีข่าวปล้นไม่ว่าใหญ่หรือเล็กเถอะต้องมีชื่อตี๋ใหญ่ใส่เข้าไปด้วยทุกครั้ง และเริ่มลงข่าวแล้วว่าตี๋ใหญ่ฆ่าคนในขณะปล้นไปด้วย แม้ไม่มีหลักฐานว่าตี๋ใหญ่ทำ แต่มันก็ช่วยสิ่งเสริมให้ชื่อของเขาเป็นที่หวาดผวาให้กับประชาชนไปทั่วประเทศ....
สันนิษฐานกันว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520 ตี๋ใหญ่มักเลือกปล้นฆ่าไปทั่วแถบบริเวณ จ.ราชบุรีและหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง และบางส่วนของพื้นที่กรุงเทพมหานคร และไม่เคยคิดปล้นออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด.....
                โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญและน่าจดจำของตี๋ใหญ่ คือ เขาจะสวมเสื้อลายสก็อต กางเกงยีนต์ลีวายส์ รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมแว่นตาเรย์แบนด์ สวมนาฬิกาโรเล็กซ์ และสูบบุหรี่กรองทิพย์ในขณะปล้น
                แว่นตาดำเรย์แบนด์เขาใส่เพื่ออำพรางใบหน้า และปกปิดไฝเม็ดใหญ่ระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ส่วนนาฬิกานั้นเขาใส่เพื่อปิดรอยแผลที่ครั้งหนึ่งเคยโดนกระสุนปืนยิงถากไปเมื่อตอนปล้นเชียงใหม่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2517 และชอบส่งเสียงขู่เวลาปล้นด้วยน้ำเสียงที่น่าหวาดกลัวทำให้เจ้าทุกข์ไม่กล้าคิดต่อสู้ป้องกันตัว แต่ก็เสียงเล่าลือกันอีกว่า ในบางครั้งตี๋ใหญ่ก็ปล้นแต่เฉพาะคนรวย และใครเคยช่วยเหลือก็ไม่เคยลืมบุญคุณและจะนำทรัพย์สินที่ปล้นได้มาแบ่งให้ โดยวางทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน
นอกจากนี้แล้ว ตี๋ใหญ่ ยังเป็นโจรเจ้าชู้ กล่าวกันว่ามีภรรยาหลายคน เพราะเป็นชายหนุ่มหน้าตาพอใช้ได้และปากหวานคนหนึ่ง โดยตี๋ใหญ่มักโกหกชื่อตนว่าชื่อ แจ็ค บ้าง ไพโรจน์ บ้าง เป็นต้น โดยที่ภรรยาเหล่านี้ซึ่งส่วนมากมักเป็นโสเภณี บางคนแทบไม่ทราบเสียด้วยซ้ำว่า สามีของตนนั้นเป็นโจร................
          5 ตุลาคม พ.ศ.2517
                ตี๋ใหญ่วางแผนใหญ่ครั้งแรก ด้วยการบุกเข้าไปปล้นร้านทองชื่อดัง แสงเจริญ ที่ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกันว่า เขากวาดทองคำรูปพรรณไปได้ มีมูลค่ากว่า หนึ่งล้านบาท และนี้คือการปล้นข้ามถิ่นครั้งแรกของเขา
                18 ธันวาคม พ.ศ.2517
                ตี๋ใหญ่และพรรคพวกบุกเข้าปล้นร้านขายเฟอร์นิเจอร์ของนายฮุยกวง แซ่โค้ง ปากซอยนพมาศ ถนนจรัญสนิทวงศ์ ท้องที่สน.ภาษีเจริญ ได้เงินและของมีค่าไปจำนวนไม่น้อยอีกเช่นกัน ตี๋ใหญ่กบดานเงียบ แน่นอนในช่วงเวลานั้น เขาเป็นอาญากรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ในท้องที่หลายจังหวัดต้องการตัวอย่างยิ่ง
                แหล่งกบดานของเขา กล่าวว่า เป็นอพารต์เม้นท์แห่งหนึ่ง แถวอนุสาวรีย์ ชัยสมรภูมิ... เช้าขึ้นเขาจะแต่งตัวผูกเน็คไท ถือกระเป๋าเจมส์บอนด์ ใส่แว่นเรย์แบนด์ออกจากที่พักทุกเช้า เย็นค่ำจะกลับมาตามปกติ เสมือนคนทำงานทั่วไป
                ตี๋ใหญ่เป็นจอมโจรที่ฉลาดผิดสามัญโจรทั่วไป ไม่มีลูกน้องคนไหนล่วงรู้เลยว่า เขากบดานหรือมีที่นอนที่ไหน ตี๋ใหญ่ มักจะอยู่ไม่เป็นที่ ต้องคอยหลบหนีตลอด เวลาจะไปพบลูกน้องก็จะไปพบเองว่า และเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะตัดสินใจไปปล้นที่ไหน เขาจะเป็นคนไปดูลาดเลา วางแผน กะเวลา ด้วยตนเองตามลำพังคนเดียว
                นัดกับลูกน้องจะไม่กำหนดเวลาที่แน่นอน ไปช้าบ้าง ไปเร็วบ้าง หรือไม่ไปเลย รวมทั้งหากจะไปปล้นที่ไหน ตี๋ใหญ่จะบอกและระดมสมัครพรรคพวก ก่อนหน้าในเวลาล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง จากพฤติกรรมดังกล่าวทำให้เขาหนีรอดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาได้เป็นเวลาหลายปี เพราะตี๋ใหญ่ไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น.....นอกจากตนเอง
                ขนาดเวลานอนเขายังใช้วิธีจุดธูปแล้วมัดด้วยหนังสติ๊กผูกติดไว้ระหว่างหัวแม่เท้ากับนิ้วชี้ เวลาที่ธูปไหม้จนเกือบหมดดอก เขาจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาสำรวจตรวจตรารอบๆ ที่พัก หากไม่มีสิ่งใดผิดปกติ เขาจะนอนหลับต่อและใช้วิธีแบบเดียวกันนั้นตลอดคืน
                แม้จะระวังตัวรอบครอบแค่ไหนก็ตาม แต่แล้วในที่สุด
                ตี๋ใหญ่ก็ถูกจับ มันเป็นการถูกจับครั้งแรก และครั้งเดียวในชีวิตของนักฆ่ามหากาฬคนนี้......


                จบตอนที่ 4

เรียบเรียงโดย : รู้ไว้ซะ
เพจFacebook
ช่องYOUTUBE

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น