เรืองศักดิ์ ทองกุล (ศักดิ์ ปากรอ หรือ ไอ้ศักด์ 5 ศพ)
อ.สิงหนคร
จ.สงขลา ที่นี่ขึ้นชื่อว่าแดนมาเฟียก็ว่าได้ เนื่องจากจำนวนเจ้าพ่อเยอะมาก
หลายกลุ่ม มีการแก่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น ฆ่ากันตายไม่เว้นแต่ละวัน
แน่นอนตำรวจต้องฟาดฟันอิทธิพลมืดชนิดตาต่อตา ฟันต่อฟันเลยที่เดียว
25 เมษายน 2540 เกิดคดีใหญ่ต้องสั่นสะเทือนประเทศไทยก็คำราบ
คราวนี้ไม่ใช้คดีเจ้าพ่อแต่อย่างใด หากแต่เป็นการฆาตกรรมที่บ้านหลังหนึ่ง...
นี้เป็นการบันทึกที่ปรากฏหน้าหนังสือพิมพ์ในสมัยนั้น...
บ่ายวันที่ 26 เมษายน 2540 เพื่อนร่วมงานของประภาส บุญทวี
ไปตามเขาที่บ้าน เพราะหยุดงานโดยไม่บอกกล่าว
บ้านของนายประภาร
บุญทวี เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ขนาดใหญ่ เลขที่ 162
ม. 8 ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา มีสมาชิก 5
คน ประกอบไปด้วยนายประภาร ด.ช.กัมปนาท อายุ 13 ปี ด.ช.ชัชวาลย์ อายุ 11 ขวบ ด.ช.ปรนนท์ อายุ 9
ขวบ และนางเจียมจิต บุญทวี ภรรยา
แต่เมื่อมาถึงบ้านไม่มีใครออกมาเปิดประตู
เมื่อเพื่อนเห็นผิดสังเกตจึงเข้าไปดูในตัวบ้าน
ถึงกับตกตะลึงแทบล้มทั้งยืนเมื่อพบกับภาพสยดสยอง
โดยมีศพนายประภาส
บุญทวี อายุ 43 ปี หัวหน้าสถานีอนามัยบ้านระวะ ต.ระวะ
อ.ระโนด จ.สงขลา และลูกชาย 3 คนของ ด.ช.กัมปนาท ด.ช.ชัชวาลย์
และ ด.ช.ปรนนท์ ถูกแขวนคอไว้ที่ราวกับบันได ร่างทั้ง 4 ถูกแขวน
ราวกับหมู ไก่ ไม่ปาน จบชีวิตอย่างน่าเศร้าจับใจ ในเวลาต่อมาก็มีการพบนางเจียมจิต
บุญทวี เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอควนเนียง จ.สงขลา ภรรยาของประภาส
แม่ของลูกชายทั้ง 3 คน ภายในห้องนอนชั้น 2 สภาพศพถูกมัดมือมัดเท้าทุบศีรษะและใบหน้าด้วยของแข็ง
ตายอย่างอนาถอยู่บนเตียงนอนในบ้านหลังเดียวกัน
นับเป็นภาพแห่งความสยดสยองระคนไปด้วยความเศร้าสลด!
ภาพข่าวแห่งความทารุณ
คนร้ายลงมืออย่างโหดเหี้ยมฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ถึง 3 คน ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อทุกแขนงไปทั่วทุกสารทิศ
กรมตำรวจนำโดย
พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง อ.ตร.ในขณะนั้น ตั้ง พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรักษ์
รอง ผบช.ก.
เป็นหัวหน้าชุดนำทีมนักสืบระดับพระกาฬจากกองปราบปรามลงพื้นที่คลี่คลายคดีทันที ไล่เรียงจาก
รองโต้ง หรือ พ.ต.อ.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ รอง ผบก.ป. รองยาว พ.ต.ท.วีระศักดิ์
มีนะวาณิชย์ รอง ผกก.2 ป. เข้าสนธิกำลังตำรวจพื้นที่
นำโดย พล.ต.ต.ปรีชา แสงวรรณ ผบก.ภ.จ.สงขลา
ทันทีที่เดินทางถึง
อ.สิงหนคร ทีมสืบสวนตรงดิ่งไปยังบ้านครอบครัวบุญทวี
เพื่อเก็บหลักฐานจากจุดเกิดเหตุให้ได้มากที่สุด โดยผลการชันสูตรของแพทย์ระบุว่า
พวกเขาน่าจะเสียชีวิตก่อนพบศพไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง
แสดงว่าครอบครัวบุญทวีถูกฆ่าตายเย็นวันที่
25
เมษายน!
จากพฤติการณ์ที่โหดเหี้ยมของคนร้าย
ทีมสืบสวนจึงพุ่งเป้าไปที่การล้างแค้นที่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจอย่างมาก
การไล่เช็คข้อมูลความขัดแย้งของประภาส
ซึ่งนายคนนี้เป็นเศรษฐีที่ดิน และเป็นนายหน้าที่ดิน มีทั้งเรื่องการพนัน ชู้สาว
ปัญหาญาติพี่น้อง มรดกที่ดิน ถูกตั้งเป็นโจทย์ให้คลี่คลายทีละปม
แต่ทั้งหมดไม่มีเหตุจูงใจถึงกับเข่นฆ่ากันทั้งตระกูล!
การเดาลักษณะการฆาตกรที่ประชุมสามารถระบุได้ว่า
ฆาตกรน่าจะเป็นโจรมืออาชีพ มีการพัฒนามาจากการลักขโมยเล็กขโมยน้อยตั้งแต่เล็กๆ
โตหน่อยก็เริ่มชิงทรัพย์ ปล้น ฆ่า ตามลำดับ
ตำรวจทีมหนึ่งเริ่มตามหาฆาตกร
โดยออกหาประวัติคนร้ายแก๊งต่างๆ ที่เริ่มเข้าวงการตั้งแต่วัยรุ่น
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์
มีกำนันคนหนึ่งใน อ.สิงหนคร มาขอพบชุดสืบสวนพร้อมให้ข้อมูลว่า
วันเกิดเหตุ
ลูกน้องผมเห็นไอ้แหวงเข้าไปที่บ้านบุญทวี
ทีมสืบกระจายกำลังกันออกติดตาม
ไอ้แหวง หรือ แสวง หรือ สว่าง สุวรรณมณี ผู้มีอิทธิพลท้องถิ่นคนหนึ่ง เคยก่อคดีมาหลายคดี แต่ไม่เคยถูกจับกุม
ซึ่งก็ติดตามตัวไม่ยากนักทีมสืบจึงเชิญตัวมาสอบปากคำ
“วันนั้นผมเข้าไปละแวกบ้านหมอประภาสจริง แต่ผมไปตั้งวงเหล้า
ปิ้งปูปิ้งปลากิน อยู่ริมทะเล ผมไม่รู้เรื่องฆ่ากัน”
“เหรอ”
ตำรวจตอบ
“แล้วพวกคุณรู้ได้ยังไงว่าผมไปที่นั่น?”
แสวงย้อนถาม
“กำนันบอก”
“เออ....ผมกับมันไม่ถูกกัน”
ตอนที่ทีมสืบจะทยอยเรียกเพื่อนของแสวง
มาสอบปากคำจนครบทุกคนจนเชื่อว่าที่แสวงพูดไม่ได้โกหก
ประกอบกับพยานหลายปากยืนยันว่าแสวงนั่งกินเหล้าอยู่ริมทะเลตั้งแต่บ่ายจนสี่ทุ่ม
แสวงจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้อง
แต่แสวงก็ถูกดำเนินคดีค้างเก่าฆ่านายสม
บุญล้วน น้าเขย เมื่อปี 2539 แทน!
โดยแสวงถูกจับกุมวันที่ 10 พ.ค. 2540
ทีมสืบลงพื้นที่ดูบ้านเกิดเหตุอีกครั้งและเผอิญเจอ
ลุงอ่ำ อายุ 70 ปีเศษ ที่มีบ้านพักอยู่ใกล้กับครอบครัว
บุญทวี และกลายมาเป็นพยานปากสำคัญ
“คุณตำรวจครับ วันที่เกิดเหตุ ตอนเย็น ผมจะเข้าไปคุยกับหมอประภาสที่บ้าน
เห็นคนร้ายสองคนจับเด็กมัดมือมัดเท้าไว้ แต่ยังไม่ได้แขวนคอ
ตอนนั้นหมอประภาสยังไม่กลับบ้าน ผมจึงเดินเลี่ยงกลับบ้าน
ด้วยความกลัวจึงไม่กล้าบอกใคร”
ลุงอ่ำเล่าอย่างตื่นตระหนกเหมือนเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ
ร้อนๆ
“คนร้ายมีท่าทางเป็นยังไงครับคุณลุง?”
“เป็นเด็กวัยรุ่นสองคน”
ทีมสืบสวนแทบไม่เชื่อ
“จริงๆ ครับ ผิวดำคนนึงสูงประมาณ 168 เซนติเมตร
อีกคนสูง 170 กว่า ตอนลุงยืนดูอยู่
คนผิวดำยังหันมายิ้มให้ลุงเลย”
ลุงอ่ำย้ำ
“ลุงรู้จักเขารึเปล่า”
“ไม่ใช่คนแถวนี้ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
ทีมสืบประวัติไปถึงสภาพในบ้านที่ถูกรื้อค้นข้าวของกระจัดกระจาย
ทำให้เอะใจว่าหรือพวกมันต้องการทรัพย์สิน แล้วทรัพย์สินที่หายไปล่ะ
จะมีใครรู้บ้างเพราะคนในครอบครัวเสียชีวิตไปหมดแล้ว
ทีมสืบจึงสอบถามแม่ประภาส
และเพื่อนๆ ที่สนิท จนทราบว่ามีสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง
พร้อมจี้เล็กๆ ของเจียมจิตหายไป
ที่สำคัญพระเครื่องหลายร้อยองค์
ที่ประภาสร่วมจัดสร้างกับเจ้าอาวาสวัดป่าขาด ใน อ.สทิงพระ
ซึ่งเขามักนำมาแจกจ่ายชาวบ้านอยู่เป็นประจำ
ได้อันตรธานหายไปไม่หลงเหลือเลยสักองค์!
รองยาว
รีบไปหาเจ้าอาวาสวัดป่าขาดทันที ก่อนได้ข้อมูลว่าเจ้าอาวาส ให้พระเครื่องหมอประภาส
ไปเกือบสี่ร้อยองค์
“ผมขอเช่าพระเครื่องรุ่นนี้ได้ไหมครับ”
“ตามสบายเลยโยม”
เจ้าอาวาสตอบรับ
หลังเช่าพระเครื่องมารองยาว
นำทีมลูกน้องเดินสายแจกพระเครื่องให้กับกำนันผู้ใหญ่บ้าน ตามอำเภอต่างๆ
ในจังหวัดสงขลา ตั้งแต่สิงหนคร สทิงพระ ระโนด หัวเขาแดง
รวมทั้งแจกจ่ายให้กับ
ผกก. และรอง ผกก. ในที่ประชุมตำรวจภูธรภาค 9 หวังจะได้เบาะแสคนร้ายบ้าง
และแล้วความหวังก็เป็นจริง
เมื่อ พ.ต.ท.เกียรติ ขันหาญศึก สวป.สภ.อ.เมือง จ.ยะลา แจ้งมาว่ามีวัยรุ่น 2 คน เอาพระเครื่องรุ่นดังกล่าวไปให้ผู้ใหญ่เม่น หรือ ณัฐพล นพวงศ์ ผู้ใหญ่บ้านที่
อ.ธารโต จ.ยะลา
ทันทีที่ทราบเบาะแสครั้งสำคัญ
รองยาวนำทีมสืบสวนบึ่งรถเก๋งไปที่ อ.ธารโต บ้านผู้ใหญ่เม่น
“ผู้ใหญ่ไม่อยู่ครับไปกรุงเทพฯ”
หลานชายผู้ใหญ่เม่นบอก
“เอ็งเคยเห็นพระเครื่องรุ่นนี้หรือเปล่า”
รองยาวถาม
พร้อมกับหยิบพระเครื่องให้ดู
“เคยเห็นครับน้องผู้ใหญ่เพิ่งเอามาให้”
“ใครว่ะน้องผู้ใหญ่?”
“ศักดิ์ครับ ชื่อจริง เรืองศักดิ์ ทองกุล บางคนก็เรียกเขาว่า ศักดิ์ ปากรอ
เขามาหาผู้ใหญ่ที่บ้าน มากับเพื่อนคนนึง แต่ไม่เจอ
ก็เลยให้พระเครื่องรุ่นนี้ไว้ยี่สิบกว่าองค์”
การหาเบาะแสไอ้ศักดิ์
เริ่มสืบประวัติพบว่ามันก่อคดียาวจนเป็นหางว่าว
และรู้มันว่าไปกบดานอยู่กับน้าสาวใน จ.สงขลา
รองยาวพาลูกน้องตรงดิ่งไปหาน้าสาวของไอ้ศักดิ์ทันที
“โอ้ย!! มันเพิ่งออกไปเมื่อเช้านี้เอง”
น้าสาวบอก
เขาไปไหนครับ?
“มันบอกว่าจะไปหาน้าอีกคนที่เมืองกาญจน์โน่นแน่ะ”
รองยาวนึกในใจกว่าจะเดินทางจากสงขลาไปถึงกาญจนบุรี
ต้องใช้เวลาครึ่งวัน ถ้าไปเองคงตามไม่ทัน ก่อนตัดสินใจต่อสายตรงถึง พ.ต.อ.อัศวิน
ขวัญเมือง รอง ผบก.ป.ทันที
“พี่ครับไอ้ศักดิ์ มันหนีไปที่เมืองกาญจน์ครับ”
“เออ!! เดี๋ยวกูตามมันเอง”
หลังวางสาย
พ.ต.อ.อัศวินนำทัพตำรวจกองปราบปรามเข้าล้อมบ้านของน้าไอ้ศักดิ์ที่เมืองกาญจน์
พร้อมส่งสายสืบกระจายกำลังในพื้นที่หาเบาะแส
กระทั่งวันที่
21
พฤษภาคม 2540 มีคนเห็นไอ้ศักดิ์อยู่ที่ตลาดใกล้บ้านกำลังซื้อหนังสือพิมพ์อ่านข่าวอยู่
สงสัยว่ามันต้องการรู้ว่าเป็นมันจริงๆ ที่ออกประกาศจับ ท่าทางตื่นเต้นจนเห็นได้ชัด
กำลังตำรวจจู่โจมเข้าล็อคตัวไอ้ศักดิ์ได้ที่หน้าแผงหนังสือ
ภาพจาก :
ทีมสืบชุดใหญ่จากกองปราบฯ
และสอบสวนกลาง ถูกระดมเข้าซักมันละเอียดยิบ
แต่มันปิดปากเงียบ
ทำเฉยเมย ไม่สะทกสะท้าน รองยาวรวบรวมความอดทน นั่งคุยอยู่กับมันเป็นวันๆ
แต่พูดยังไงไอ้ศักดิ์ ก็ปฏิเสธยืนกระต่ายขาเดียว
กระทั่งรองยาวหันมาใช้หลักจิตวิทยาดูบ้าง
“แหม มือฆ่ามันเก่งจริงๆ ใจถึง ใจกล้ามาก กูยอมรับเลย”
…เข้าล็อคไอ้ศักดิ์เปิดปาก…
“พวกคุณอยากรู้เหรอว่าใครทำ?”
แล้วมันก็เล่าต่อเหมือนเป็นความภูมิใจยิ่งว่า
“ผมเนี่ยล่ะเป็นคนทำ กับน้องคนนึง เป็นนักเรียนอยู่ ม.5”
“แล้วเอ็งทำอย่างงัยว่ะ”
ก่อนคำพูดจะพรั่งพรูมาจากไอ้ศักดิ์
“ผมวางแผนทำมาสองครั้งแล้ว ครั้งแรกไม่สำเร็จเพราะเด็กที่ไปด้วยใจไม่ถึง”
“อ้าวแล้วเด็กนักเรียนมาจากไหน”
“ผมเช่าห้องอยู่ตามหอพักใกล้โรงเรียน จะมีเด็กนักเรียนมาพักอยู่จำนวนมาก แล้วจะถามพวกมันว่าอยากได้เงินใช้ไหม
ถ้าอยากได้ให้ไปด้วยกัน แต่ไม่ได้บอกพวกมันหรอกว่าไปทำอะไร ครั้งนี้ผมพาไอ้จ้อง
หรือ สงกรานต์ แก้วอุบล อายุ 18 ปี ไปด้วยบ่ายสามโมงเศษ
ตอนแรกลูกชาย 3 คน กลับมาถึงบ้านก่อน เลยจับมัดมือมัดเท้า
ต่อมาภรรยาประภาสกลับมาถึง ก็จับมัดมือมัดเท้าไว้ที่เตียงนอนในห้อง
ตอนนั้นยังไม่ได้ลงมือฆ่าใคร”
“แล้วทำไงต่อ?”
“รอหมอประภาสกลับมา ก็ล็อคตัวเข้าไปในบ้าน”
“มึงทำเขาเพื่ออะไรว่ะ?”
“จะไปเอาเงินล้านนึง”
“เงินอะไรว่ะตั้งล้านนึง”
“เขาเพิ่งขายวัวชนไปล้านนึง”
“กูถามเพื่อนสนิทหมอ เขาบอกว่ายังไม่ได้ขายโว้ย แค่จะขายเท่านั้น
มึงฟังข่าวมาผิดแล้ว
แล้วมึงทำยังไงกับพวกเขา
ไหนเล่าต่อไปซิ”
“ทุบเมียหมอ เอาหัวโขกกับเตียงเหล็ก บังคับให้ หมอประภาสบอกที่ซ่อนเงิน
จนเมียมันตาย ตอนนั้นหมอกับลูกๆ ก็นั่งดูอยู่”
“หมอไม่ตกใจเหรอ?”
“ตกใจสิ ทำท่าเหมือนจะบ้า ตะโกนให้ฆ่ามันแทน”
“แล้วไอ้สงกรานต์ที่ไปกับมึงล่ะ?”
“มันก็ตกใจ ยืนรออยู่ข้างล่าง ตะโกนให้หยุด แต่ผมไม่หยุด ผมบอกกับ
ประภาสว่า ถ้าไม่บอกที่ซ่อนเงินจะแขวนคอลูกชายทีละคน
แต่เขายังยืนยันว่าไม่มีเงินจริงๆ เลยใช้เชือกผูกคอแล้วถีบลูกมันตกจากบันไดทีละคน
เริ่มจากลูกชายคนเล็กก่อน ระหว่างนั้น ประภาส ก็ตะโกนร้องขอให้ฆ่าเขาก่อน
เพราะไม่อยากเห็นลูกตายต่อหน้าต่อตา แต่พอมันไม่ยอมบอกที่ซ่อนเงิน
ผมก็ถีบลูกมันแขวนคอกับบันไดตายจนครบทั้ง 3 คน
ตอนนั้นหมอเป็นลมไปเลย พอฟื้นขึ้นมา ก็เลยจับหมอมาแขวนคอเป็นรายสุดท้าย”
“ตอนที่แขวนคอเขาแล้วถีบลงจากบันไดตายทีละคน ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ?”
“ไม่นี่ ไม่เห็นเป็นไร คนจะตายมันก็ต้องตาย”
ไอ้ศักดิ์ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
คำให้การของไอ้ศักดิ์ทำเอาทีมสืบขนลุกไปตามๆ
กัน!
ก่อนที่ตำรวจอีกชุดจะตามจับไอ้จ้อง
หรือ สงกรานต์ แก้วอุบล ได้ในจังหวัดสงขลา ไอ้จ้องรับสารภาพว่า ผมไปกับไอ้ศักดิ์
แต่ไม่รู้ว่ามันจะไปฆ่าคน มันแค่ถามว่าอยากได้เงินใช้หรือเปล่า
ถ้าอยากได้ให้ไปกับมัน
ทำให้ทุกคนตั้งคำถามว่าไอ้ศักดิ์ป่วยทางจิตหรือไม่?
ทีมสืบจึงไปสอบถามอาจารย์วัลลภ
ปิยะมโนธรรม ได้ความว่า ลักษณะของไอ้ศักดิ์เป็นคนเก็บกด เป็นพวกอาฆาตสังคม
มีแต่ความโกรธแค้นที่ถูกกระทำตั้งแต่เด็ก เพราะตอนอายุประมาณ 5 ขวบ พ่อแม่ไอ้ศักดิ์ออกไปทำนา ปล่อยมันอยู่บ้านคนเดียว
ถูกโจรเข้าปล้นบ้านที่ อ.ปากรอ ตอนเช้าเอาของในบ้านไปหมด
แล้วเอามุ้งมัดตัวมันไว้จนเย็น พ่อแม่กลับมาจึงมาแก้มัดให้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไอ้ศักดิ์เลยกลายเป็นโจร
เริ่มมีพฤติกรรมแบบโจร ชอบทำตัวลึกลับ ไร้ร่องรอย ไม่มีเพื่อนสนิท
แต่กระนั้นก็ไม่ชอบกินเหล้า สูบบุหรี่ และชอบไปไหนมาไหนคนเดียว
พอเริ่มเป็นหนุ่มอายุ
16
ปี ไอ้ศักดิ์เกิดทะเลาะกับคนข้างบ้านเรื่องวัว ที่มากินผักที่ปลูกไว้
ไอ้ศักดิ์ใช้เชือกผูกคอวัวแล้วชักรอกวัวขึ้นไปแขวนคอบนต้นไม้จนตาย
พอโตขึ้นหน่อย
ไอ้ศักดิ์เริ่มอยู่คนเดียว โดยเลือกไปเช่าอพาร์ตเมนต์ในเขต จ.สงขลา จ.พัทลุง
พักอาศัย และย้ายที่ไปเรื่อยๆ โดยเลือกอพาร์ตเมนต์ที่มีนักเรียนวัยรุ่นอยุ่กันมากๆ
และมักทำตัวเป็นพี่เบิ้มของนักเรียนหรือนักศึกษาตามที่พัก
ถ้ามีโอกาสก็จะชักชวนไปปล้น โดยเลือกเด็กที่มีปัญหาเรื่องเงินหรือชอบเที่ยวเตร่
นอกจากนี้ไอ้ศักดิ์
ยังเป็นโจรชั้นสูง มีคารมคมคาย สามารถโน้มจิตใจคนได้ดี
สามารถชักชวนเด็กมาช่วยงานปล้นตามที่มันต้องการ การลงมือของไอ้ศักดิ์แต่ละครั้งสมุนจะไม่ซ้ำหน้ากันเลย
พอเสร็จมันจะเปลี่ยนสมุนชุดใหม่ทันทีเลย
มันลงมือปล้นจนกระทั้งมาหยุดที่ครอบครัวบุญทวี...
และนั่นเป็นประวัติครั้งอดีตของฆาตกร!
เย็นวันเดียวกันนั้นนายสงกรานต์
หรือ แจ้ง แก้วอุบล อายุ 19 ปี
ก็ถูกจับและรับสารภาพเช่นกัน โดยศาลชั้นต้น และอุทธรณ์
พิพากษาประหารชีวิตไอ้ศักดิ์ ปากรอ คดีถึงชั้นศาลฎีกา แต่เห็นว่าคำรับสารภาพของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี
เห็นควรลดโทษให้คงเหลือจำคุกตลอดชีวิต เหมือนกับไอ้จ้องคู่หู
แต่
..... ไอ้ศักดิ์โดนจำคุกแค่ 15 ปีเท่านั้น ภายหลังจากได้รับการอภัยโทษก็มาสร้างครอบครัวที่
อ.สะเดา มีลูกหนึ่งคน พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น เนติราษฎร์ นพวงศ์ และกลายเป็นคนกว้างขวางในวงการ
มีข่าวพัวพันทั้งการบุกรุกป่าและไม้เถื่อน ต.สำนักแก้ว
ระยะหลังได้หันมาทำธุรกิจบ่อดินลูกรังที่ อ.สะเดา และสุดท้ายก็มาถูกยิงเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2558 ที่ผ่านมา
เป็นอันจบชีวิตของไอ้ศักดิ์
5
ศพ ในที่สุด ...
ภาพจาก :
จากหนังสือนักโทษประหาร
เรียบเรียงโดย
:
รู้ไว้ซะ
เพจFacebook
ช่องYOUTUBE
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น